เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2554 นายพิเชษฐ์ กรุดลอยมา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ กล่าวต้อนรับในพิธีเปิดการฝึกอบรม และบรรยายเกี่ยวกับการผลิตและสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของประเทศไทย แก่นักวิจัยจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ 5 ราย และนักวิจัยจากราชอาณาจักรภูฏาน 2 ราย ซึ่งเดินทางมารับการฝึกอบรมในหัวข้อ Production of hybrid seed of corn, quality control and improvement of integrated corn products ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ระหว่างวันที่ 1-13 สิงหาคม 2554 งานนี้นักวิชาการเกษตรของศูนย์ฯ เตรียมพร้อมบรรยายและนำฝึกงานในหัวข้อที่ตนเองเกี่ยวข้องเต็มที่ การอบรมครั้งนี้นอกจากจะเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้กับนักวิจัยต่างชาติแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในด้านการปฏิบัติงานซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์แก่ทั้งนักวิจัยไทยและนักวิจัยจากประเทศที่เข้ารับการฝึกอบรมเป็นอย่างยิ่ง
9 สิงหาคม 2554
26 กรกฎาคม 2554
เพิ่มพื้นที่สีเขียวที่ตากฟ้า...อธิบดีกรมวิชาการเกษตรปลูกต้นไม้ถวายในหลวง
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 นายจิรากร โกสัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร พร้อมด้วย นายดำรง จิระสุทัศน์ และ นางวีณา พงศ์พัฒนานนท์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และพนักงานของกรมวิชาการเกษตรปลูกต้นไม้ ในโครงการปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาให้โรงเรียนที่ร่วมปลูกต้นไม้ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครสวรรค์ ต.อุดมธัญญา อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ เป้าหมายในการปลูกต้นไม้ของโครงการ จำนวนทั้งสิ้น 99,999 ต้น โดยมีระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2554 สิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2554 พื้นที่ดำเนินการได้แก่หน่วยงานของกรมวิชาการเกษตรทุกหน่วยงานในส่วนภูมิภาคและพื้นที่ของชุมชน วัตถุประสงค์ของโครงการนี้เพื่อสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ชุมชน รวมทั้งอนุรักษ์พันธุ์ไม้ไทยให้คงอยู่สืบไป





พ่อเมืองนครสวรรค์นำปลูกฝ้ายจุลกฐิน
เมื่อเร็วๆ นี้ นายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วยนางอมรรัตน์ มีแดง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานในพิธีปลูกฝ้ายประเพณีมหาบุญจุลกฐิน ประจำปี 2554 ณ แปลงปลูกฝ้ายวัดประชาสรรค์ ต.สุขสำราญ อ.ตากฟ้า โดยมีนายมานิต อนรรฆมาศ นายอำเภอตากฟ้า กล่าวรายงาน ซึ่งงานจุลกฐินนี้อำเภอตากฟ้าร่วมกับหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน และพ่อค้าประชาชน จัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดประเพณีสำคัญทางพุทธศาสนาให้เป็นเอกลักษณ์ของชาวอำเภอตากฟ้าเป็นประจำทุกปี ปีนี้ได้กำหนดจัดงานจุลกฐินทอดถวายวัดประชาสรรค์ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2554
ในการนี้ นายพิเชษฐ์ กรุดลอยมา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ได้สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ฝ้ายตากฟ้า 4 ซึ่งเป็นฝ้ายพันธุ์ดีของกรมวิชาการเกษตร เพื่อใช้ในพิธีปลูก และให้คำแนะนำในการดูแลรักษาต้นฝ้ายตลอดฤดูปลูกเพื่อให้ได้ปุยฝ้ายสำหรับทอและตัดเย็บเป็นผ้าไตรจีวรใช้ในงานจุลกฐินต่อไป พร้อมกันนี้ได้นำข้าราชการร่วมปลูกฝ้ายโดยพร้อมเพรียงกัน

ในการนี้ นายพิเชษฐ์ กรุดลอยมา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ได้สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ฝ้ายตากฟ้า 4 ซึ่งเป็นฝ้ายพันธุ์ดีของกรมวิชาการเกษตร เพื่อใช้ในพิธีปลูก และให้คำแนะนำในการดูแลรักษาต้นฝ้ายตลอดฤดูปลูกเพื่อให้ได้ปุยฝ้ายสำหรับทอและตัดเย็บเป็นผ้าไตรจีวรใช้ในงานจุลกฐินต่อไป พร้อมกันนี้ได้นำข้าราชการร่วมปลูกฝ้ายโดยพร้อมเพรียงกัน


1 กรกฎาคม 2554
ปลูกข้าวโพดต่อเนื่องทั้งปี มีปัญหาโรคระบาด
การปลูกพืชชนิดเดียว ต่อเนื่องกัน ไม่ว่าจะเป็นพืชชนิดใดตาม โดยไม่มีการปลูกพืชอื่นสลับ นานเข้าทำให้มีปัญหาการระบาดของโรคพืชที่ยากต่อการป้องกันหรือกำจัด ในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่ที่เกษตรกรสามารถขุดเจาะบ่อบาดาล ทำให้สามารถปลูกพืชได้ทั้งปีโดยไม่อาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติ ที่ตำบลพุกร่าง อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีปัญหาการระบาดของโรค เกษตรกรจะปลูกข้าวโพดหวานติดต่อกันทั้งปี ในพื้นที่เราสามารถพบต้นข้าวโพดที่อายุต่างๆ กัน ทั้งข้าวโพดหวาน ข้าวโพดฝักอ่อน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
โดยธรรมชาติข้าวโพดหวานมักจะอ่อนแอต่อโรค เช่น โรคราน้ำค้าง หรือโรคใบไหม้แผลใหญ่ ในพื้นที่นั้นจึงมีข้าวโพดเป็นโรคราน้ำค้าง บางแปลงเป็นโรคใบไหม้แผลใหญ่ ซึ่งสามารถเป็นแหล่งแพร่เชื้อ (source of inoculum) ไปสู่ต้นข้าวโพดที่ปลูกใหม่ได้เป็นอย่างดี จึงเกิดปัญหาการระบาดทั้งในข้าวโพดหวาน รวมทั้งในข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในแหล่งปลูกเดียวกับข้าวโพดหวานที่มีการปลูกติดต่อกันมาเป็นเวลานานหลายปี ทำให้มีการสะสมและมีแหล่งของเชื้อที่สามารถแพร่ระบาดได้ตลอดเวลา จึงพบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นโรคราน้ำค้างเกินร้อยละห้าสิบ โดยเฉพาะหากเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์อ่อนแอต่อโรคจะไม่สามารถให้ผลผลิต แม้ว่าเกษตรกรมีการตัดต้นเป็นโรคในแปลงของตนออก แต่เชื้อสามารถแพร่ระบาดมาจากไร่ของเกษตรกรรายอื่นได้ การป้องกันกำจัดโดยการคลุกเมล็ดด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา และการตัดต้นเป็นโรคออก จึงยังไม่สามารถแก้ปัญหาการระบาดของโรคในพื้นที่ได้ การปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียนเพื่อตัดวงจรของโรค ร่วมกับการเลือกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ต้านทาน เป็นทางออกหนึ่งที่จะลดความเสียหายจากการระบาดของโรค

โดยธรรมชาติข้าวโพดหวานมักจะอ่อนแอต่อโรค เช่น โรคราน้ำค้าง หรือโรคใบไหม้แผลใหญ่ ในพื้นที่นั้นจึงมีข้าวโพดเป็นโรคราน้ำค้าง บางแปลงเป็นโรคใบไหม้แผลใหญ่ ซึ่งสามารถเป็นแหล่งแพร่เชื้อ (source of inoculum) ไปสู่ต้นข้าวโพดที่ปลูกใหม่ได้เป็นอย่างดี จึงเกิดปัญหาการระบาดทั้งในข้าวโพดหวาน รวมทั้งในข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในแหล่งปลูกเดียวกับข้าวโพดหวานที่มีการปลูกติดต่อกันมาเป็นเวลานานหลายปี ทำให้มีการสะสมและมีแหล่งของเชื้อที่สามารถแพร่ระบาดได้ตลอดเวลา จึงพบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นโรคราน้ำค้างเกินร้อยละห้าสิบ โดยเฉพาะหากเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์อ่อนแอต่อโรคจะไม่สามารถให้ผลผลิต แม้ว่าเกษตรกรมีการตัดต้นเป็นโรคในแปลงของตนออก แต่เชื้อสามารถแพร่ระบาดมาจากไร่ของเกษตรกรรายอื่นได้ การป้องกันกำจัดโดยการคลุกเมล็ดด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา และการตัดต้นเป็นโรคออก จึงยังไม่สามารถแก้ปัญหาการระบาดของโรคในพื้นที่ได้ การปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียนเพื่อตัดวงจรของโรค ร่วมกับการเลือกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ต้านทาน เป็นทางออกหนึ่งที่จะลดความเสียหายจากการระบาดของโรค


22 มิถุนายน 2554
มารู้จัก...โรคจุดสีน้ำตาลข้าวโพด
โรคจุดสีน้ำตาล หรือ Physoderma brown spot เกิดจากเชื้อรา Physoderma maydis ซึ่งจัดอยู่ในจำพวกราชั้นต่ำ
การระบาดของโรคจุดสีน้ำตาลอย่างรุนแรงพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็เกิดขึ้นได้เมื่อมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมและพันธุ์มีความอ่อนแอต่อโรค โดยทั่วไปไม่พบรายงานการก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตทั้งในประเทศไทยหรือต่างประเทศที่มีการปลูกข้าวโพด และไม่จำเป็นต้องพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแต่อย่างใด
อาการของโรคจุดสีน้ำตาล คล้ายแต่ไม่ใช่ราสนิม...
มักมีผู้สับสนระหว่างโรคจุดสีน้ำตาลและโรคราสนิมและมีการวินิจฉัยโรคที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากโรคจุดสีน้ำตาลมีอาการคล้ายกับโรคราสนิม (southern rust)
โรคจุดสีน้ำตาลมีลักษณะดังนี้ เกิดจุดสีเหลืองขนาดเล็กบนใบ ถ้าเป็นโรคที่เส้นกลางใบ กาบใบ กาบหุ้มลำต้น เปลือกหุ้มฝัก มักจะเห็นเป็นจุดสีน้ำตาลเข้ม และจุดมีขนาดใหญ่กว่าที่ใบ
โรคจุดสีน้ำตาลมักเกิดจุดเหลืองหนาแน่นเป็นแถบๆ ตามขวาง เกิดจากตอนที่เชื้อเข้าทำลายตรงใบยอดซึ่งเป็นส่วนที่มีความชื้นและเมื่อใบมีการเจริญยืดตามการเจริญเติบโตจึงเกิดเป็นแถบ อาการโรคจุดน้ำตาลบนเส้นใบจะเกิดจุดสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอาการที่แตกต่างจากโรคราสนิม ที่สำคัญโรคราสนิมจะสร้างสปอร์สีส้มจำนวนมากใน pustule ที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน (ภาพที่ 11) เมื่อใช้มือลูบบนแผลจะมีผงสีสนิมติดมากับมือ
การระบาดของโรคจุดสีน้ำตาลอย่างรุนแรงพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็เกิดขึ้นได้เมื่อมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมและพันธุ์มีความอ่อนแอต่อโรค โดยทั่วไปไม่พบรายงานการก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตทั้งในประเทศไทยหรือต่างประเทศที่มีการปลูกข้าวโพด และไม่จำเป็นต้องพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแต่อย่างใด
อาการของโรคจุดสีน้ำตาล คล้ายแต่ไม่ใช่ราสนิม...
มักมีผู้สับสนระหว่างโรคจุดสีน้ำตาลและโรคราสนิมและมีการวินิจฉัยโรคที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากโรคจุดสีน้ำตาลมีอาการคล้ายกับโรคราสนิม (southern rust)
โรคจุดสีน้ำตาลมีลักษณะดังนี้ เกิดจุดสีเหลืองขนาดเล็กบนใบ ถ้าเป็นโรคที่เส้นกลางใบ กาบใบ กาบหุ้มลำต้น เปลือกหุ้มฝัก มักจะเห็นเป็นจุดสีน้ำตาลเข้ม และจุดมีขนาดใหญ่กว่าที่ใบ
โรคจุดสีน้ำตาลมักเกิดจุดเหลืองหนาแน่นเป็นแถบๆ ตามขวาง เกิดจากตอนที่เชื้อเข้าทำลายตรงใบยอดซึ่งเป็นส่วนที่มีความชื้นและเมื่อใบมีการเจริญยืดตามการเจริญเติบโตจึงเกิดเป็นแถบ อาการโรคจุดน้ำตาลบนเส้นใบจะเกิดจุดสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอาการที่แตกต่างจากโรคราสนิม ที่สำคัญโรคราสนิมจะสร้างสปอร์สีส้มจำนวนมากใน pustule ที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน (ภาพที่ 11) เมื่อใช้มือลูบบนแผลจะมีผงสีสนิมติดมากับมือ
ภาพที่ 1 อาการระยะแรกของโรคจุดสีน้ำตาล
ภาพที่ 2 โรคจุดสีน้ำตาลบนเส้นกลางใบจะมีสีน้ำตาลเข้ม มีขนาดใหญ่กว่าจุดที่ใบ
ภาพที่ 3 จุดเหลืองเป็นแถบหนาแน่นตามขวางบนใบข้าวโพด
ภาพที่ 4
ภาพที่ 5 และภาพที่ 4 การระบาดของโรคจุดสีน้ำตาลในข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์การค้า
ในไร่เกษตรกร อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์
20 มิถุนายน 54
ภาพที่ 6 โรคจุดสีน้ำตาลบนกาบใบ
ภาพที่ 7 โรคจุดสีน้ำตาลเกิดที่ลำต้น จะเห็นผงสีน้ำตาลซึ่งเป็นสปอร์ของเชื้ออยู่ในลำต้น
ภาพที่ 8 ลักษณะสปอร์ (sporangium)ของเชื้อโรคจุดสีน้ำตาล Physoderma maydis
ภาพที่ 9 ภาคตัดขวางเซลล์กาบใบข้าวโพด (cross section) จะเห็นสปอร์ (sporangium) ของเชื้อ
Physoderma maydis อยู่ในเซลล์
ภาพด้านล่าง จากภาพที่ 10-12 เป็นอาการและเชื้อสาเหตุโรคราสนิม
ภาพที่ 10 อาการของโรคราสนิม จะมีผงสปอร์สีส้มบนแผล
ภาพที่ 11 ตุ่มนูน (pustule)ที่บรรจุสปอร์ของเชื้อราสนิม
ภาพที่ 12 ลักษณะของเชื้อโรคราสนิม Puccinia polysora
20 มิถุนายน 2554
ระวัง...การระบาดของโรคในมันสำปะหลัง
สภาพภูมิอากาศในช่วงนี้ที่มีฝนตกชุกติดต่อกัน ส่งผลให้มีความชื้นในบรรยากาศสูง เหมาะสมต่อการแพร่ระบาดของโรคหลายชนิดในมันสำปะหลัง เช่น โรคใบไหม้ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โรคแอนแทรคโนส และโรคใบจุดมันสำปะหลัง แต่ละโรคมีลักษณะอาการที่มีรูปแบบดังต่อไปนี้
โรคใบไหม้
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas manihotis
ลักษณะอาการเริ่มแรก ใบเป็นจุดเหลี่ยม ฉ่ำน้ำ ต่อมาใบไหม้แห้ง ถ้ารุนแรงยอดจะแห้งตาย ทำให้ผลผลิต เปอร์เซ็นต์แป้ง และคุณภาพท่อนพันธุ์ลดลง
สภาพแวดล้อมมีผลต่อการระบาดของโรคใบไหม้เป็นอย่างมาก ปีที่มีฝนตกชุกหนาแน่น โรคจะระบาดรวดเร็วและรุนแรง นอกจากนี้ความรุนแรงของโรคยังขึ้นกับพันธุ์มันสำปะหลัง โรคใบไหม้ไม่ถึงกับทำให้ต้นมันสำปะหลังตาย เมื่อพ้นฤดูฝนการระบาดของโรคจะลดลง การป้องกันกำจัดให้ทำลายเศษซากพืชโดยการเผาหรือฝัง ปลูกพืชหมุนเวียน เพื่อตัดวงจรของโรค ไม่แนะนำให้ใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัด
โรคแอนแทรคโนส
เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum spp.
อาการบนลำต้นแก่ เกิดแผลที่มีขอบเขตแน่นอน สีน้ำตาลหรือสีดำ ถ้ามีปริมาณน้ำฝนมากหรือความชื้นสูงๆ แผลจะขยายตัว ลามขึ้นสู่ส่วนยอด
ลำต้นอ่อน แผลมีขอบเขตไม่แน่นอน สีน้ำตาลอ่อน เมื่อมีความชื้นสูงจะขยายตัวสู่ส่วนยอด ทำให้ยอดตายอย่างรวดเร็ว
ก้านใบ เป็นรอยไหม้ที่โคนก้านใบติดกับลำต้น และก้านใบส่วนที่ติดกับตัวใบหักลู่ลง ในที่สุดจะหลุดร่วงทั้งต้น
ใบ มีอาการไหม้ที่ขอบใบและปลายใบ ขยายตัวเข้าสู่กลางใบ ในที่สุดตัวใบจะไหม้หมด และหลุดร่วง
ถ้าเป็นพันธุ์ที่อ่อนแอมาก จะยืนต้นตาย ส่วนพันธุ์ที่ค่อนข้างทนทานต่อโรค ยอดจะหัก แต่สามารถแตกกิ่งหรือยอดใหม่ขึ้นมาทดแทนได้
บางพันธุ์จะพบโคนลำต้นที่ติดกับพื้นดิน มีลักษณะบวมพอง เปลือกลำต้นแตกเป็นริ้วๆ เมื่อเวลาลมพัดจะเปราะหักลงได้ง่าย
การป้องกันกำจัด
การปลูกพืชหมุนเวียน การไถกลบฝังลึกๆ เศษซากมันสำปะหลังที่ติดเชื้อ และการใช้ท่อนพันธุ์ปลอดโรค ช่วยลดปริมาณเชื้อราสาเหตุในดินและลดการแพร่กระจายของโรคได้ หากมีการระบาดอย่างรุนแรงและรวดเร็ว พ่นด้วยสารเคมีประเภทที่มีองค์ประกอบของทองแดง
(ขอบคุณภาพโรคแอนแทรคโนสจากคุณรังษี เจริญสถาพร)
โรคใบจุดมันสำปะหลัง
เกิดจากเชื้อรา Cercospora henningsii
ลักษณะอาการ โดยทั่วไปต้นที่เป็นโรคมีการเจริญเติบโตเป็นปกติ จะพบอาการของโรคบนใบล่าง ๆ มากกว่าใบบน โดยเกิดอาการใบจุดค่อนข้างเหลี่ยมตามเส้นใบ มีสีน้ำตาล ขนาด 3-15 มิลลิเมตร มีขอบชัดเจน จุดแผลด้านหลังใบมีสีเทา เนื่องจากมีเส้นใยและส่วนขยายพันธุ์ของเชื้อสาเหตุ ในพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรค แผลจะล้อมรอบด้วยวงสีเหลือง ตรงกลางแผลอาจจะแห้งและหลุดเป็นรู
การป้องกันกำจัด ใช้พันธุ์แนะนำ ซึ่งมีความต้านทานโรคปานกลาง เมื่อพบโรคระบาดมากอาจพ่นด้วยสารเคมีพวกคอปเปอร์ หรือ เบโนมิล
โรคใบไหม้
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas manihotis
ลักษณะอาการเริ่มแรก ใบเป็นจุดเหลี่ยม ฉ่ำน้ำ ต่อมาใบไหม้แห้ง ถ้ารุนแรงยอดจะแห้งตาย ทำให้ผลผลิต เปอร์เซ็นต์แป้ง และคุณภาพท่อนพันธุ์ลดลง
สภาพแวดล้อมมีผลต่อการระบาดของโรคใบไหม้เป็นอย่างมาก ปีที่มีฝนตกชุกหนาแน่น โรคจะระบาดรวดเร็วและรุนแรง นอกจากนี้ความรุนแรงของโรคยังขึ้นกับพันธุ์มันสำปะหลัง โรคใบไหม้ไม่ถึงกับทำให้ต้นมันสำปะหลังตาย เมื่อพ้นฤดูฝนการระบาดของโรคจะลดลง การป้องกันกำจัดให้ทำลายเศษซากพืชโดยการเผาหรือฝัง ปลูกพืชหมุนเวียน เพื่อตัดวงจรของโรค ไม่แนะนำให้ใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัด
ภาพที่ 1 อาการเริ่มแรกของโรคใบไหม้ เกิดแผลฉ่ำน้ำ มีลักษณะเหลี่ยมตามเส้นใบ
ภาพที่ 2 โรคใบไหม้ที่รุนแรง ทำให้ใบไหม้ทั้งใบ
โรคแอนแทรคโนส
เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum spp.
อาการบนลำต้นแก่ เกิดแผลที่มีขอบเขตแน่นอน สีน้ำตาลหรือสีดำ ถ้ามีปริมาณน้ำฝนมากหรือความชื้นสูงๆ แผลจะขยายตัว ลามขึ้นสู่ส่วนยอด
ลำต้นอ่อน แผลมีขอบเขตไม่แน่นอน สีน้ำตาลอ่อน เมื่อมีความชื้นสูงจะขยายตัวสู่ส่วนยอด ทำให้ยอดตายอย่างรวดเร็ว
ก้านใบ เป็นรอยไหม้ที่โคนก้านใบติดกับลำต้น และก้านใบส่วนที่ติดกับตัวใบหักลู่ลง ในที่สุดจะหลุดร่วงทั้งต้น
ใบ มีอาการไหม้ที่ขอบใบและปลายใบ ขยายตัวเข้าสู่กลางใบ ในที่สุดตัวใบจะไหม้หมด และหลุดร่วง
ถ้าเป็นพันธุ์ที่อ่อนแอมาก จะยืนต้นตาย ส่วนพันธุ์ที่ค่อนข้างทนทานต่อโรค ยอดจะหัก แต่สามารถแตกกิ่งหรือยอดใหม่ขึ้นมาทดแทนได้
บางพันธุ์จะพบโคนลำต้นที่ติดกับพื้นดิน มีลักษณะบวมพอง เปลือกลำต้นแตกเป็นริ้วๆ เมื่อเวลาลมพัดจะเปราะหักลงได้ง่าย
การป้องกันกำจัด
การปลูกพืชหมุนเวียน การไถกลบฝังลึกๆ เศษซากมันสำปะหลังที่ติดเชื้อ และการใช้ท่อนพันธุ์ปลอดโรค ช่วยลดปริมาณเชื้อราสาเหตุในดินและลดการแพร่กระจายของโรคได้ หากมีการระบาดอย่างรุนแรงและรวดเร็ว พ่นด้วยสารเคมีประเภทที่มีองค์ประกอบของทองแดง
(ขอบคุณภาพโรคแอนแทรคโนสจากคุณรังษี เจริญสถาพร)
ภาพที่ 3 โรคแอนแทรคโนสที่ลำต้น
ภาพที่ 4 โรคแอนแทรคโนสที่ยอด
โรคใบจุดมันสำปะหลัง
เกิดจากเชื้อรา Cercospora henningsii
ลักษณะอาการ โดยทั่วไปต้นที่เป็นโรคมีการเจริญเติบโตเป็นปกติ จะพบอาการของโรคบนใบล่าง ๆ มากกว่าใบบน โดยเกิดอาการใบจุดค่อนข้างเหลี่ยมตามเส้นใบ มีสีน้ำตาล ขนาด 3-15 มิลลิเมตร มีขอบชัดเจน จุดแผลด้านหลังใบมีสีเทา เนื่องจากมีเส้นใยและส่วนขยายพันธุ์ของเชื้อสาเหตุ ในพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรค แผลจะล้อมรอบด้วยวงสีเหลือง ตรงกลางแผลอาจจะแห้งและหลุดเป็นรู
การป้องกันกำจัด ใช้พันธุ์แนะนำ ซึ่งมีความต้านทานโรคปานกลาง เมื่อพบโรคระบาดมากอาจพ่นด้วยสารเคมีพวกคอปเปอร์ หรือ เบโนมิล
ภาพที่ 5 แผลโรคใบจุดสีน้ำตาล มีลักษณะค่อนข้างกลม
ภาพที่ 6 โรคใบจุดสีน้ำตาล แผลสามารถลามติดกัน ทำให้ใบไหม้ได้
27 พฤษภาคม 2554
ระวัง...ภัยที่เกิดจากสารกำจัดวัชพืช
สารกำจัดวัชพืช หรือ ยาฆ่าหญ้า เป็นสารที่ใช้ฆ่าวัชพืชที่ขึ้นในแปลงปลูกทั้งบนดินและใต้ดิน เพื่อไม่ให้ไปแย่งปัจจัยการเจริญเติบโตจากพืชปลูก ในปัจจุบันเกษตรกรใช้วิธีกำจัดวัชพืชด้วยการพ่นสารกำจัดวัชพืชกันมาก เนื่องจากสะดวก ให้ผลรวดเร็ว ไม่ต้องใช้แรงงานมาก
แต่การใช้สารกำจัดวัชพืชต้องมีความรู้และใช้ให้ถูกต้อง สารกำจัดวัชพืชมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการเข้าทำลายในพืชต่าง ๆ กัน การใช้สารกำจัดวัชพืชให้ถูกชนิดและใช้ให้ถูกวิธีตามคำแนะนำ ทำให้สารมีประสิทธิภาพในการกำจัดได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อพืชที่ปลูก พืชชนิดอื่นในพื้นที่ข้างเคียง สิ่งแวดล้อม หรือต่อผู้ใช้เอง
ปัญหาจากการใช้สารกำจัดวัชพืชที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ คือ ละอองสารกำจัดวัชพืชที่เกษตรกรพ่นเพื่อควบคุมวัชพืชในแปลงของตนปลิวไปสู่พืชปลูกของเพื่อนบ้านในพื้นที่ข้างเคียงทำให้เกิดความเสียหายซึ่งพบได้ในหลายพื้นที่
การหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว ในเบื้องต้นเกษตรกรที่จะใช้สารกำจัดวัชพืช ควรศึกษาวิธีการใช้สารโดยอ่านจากฉลากอย่างละเอียด หากยังไม่เข้าใจสามารถขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ เกษตรกรที่มีพื้นที่ติดกันและปลูกพืชต่างชนิดกันควรพูดคุยทำความเข้าใจซึ่งกันและกันถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการปลูกพืชหรือก่อนที่จะมีการพ่นสารกำจัดวัชพืช เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น และลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างเกษตรกรด้วยกัน



แต่การใช้สารกำจัดวัชพืชต้องมีความรู้และใช้ให้ถูกต้อง สารกำจัดวัชพืชมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการเข้าทำลายในพืชต่าง ๆ กัน การใช้สารกำจัดวัชพืชให้ถูกชนิดและใช้ให้ถูกวิธีตามคำแนะนำ ทำให้สารมีประสิทธิภาพในการกำจัดได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อพืชที่ปลูก พืชชนิดอื่นในพื้นที่ข้างเคียง สิ่งแวดล้อม หรือต่อผู้ใช้เอง
ปัญหาจากการใช้สารกำจัดวัชพืชที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ คือ ละอองสารกำจัดวัชพืชที่เกษตรกรพ่นเพื่อควบคุมวัชพืชในแปลงของตนปลิวไปสู่พืชปลูกของเพื่อนบ้านในพื้นที่ข้างเคียงทำให้เกิดความเสียหายซึ่งพบได้ในหลายพื้นที่
การหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว ในเบื้องต้นเกษตรกรที่จะใช้สารกำจัดวัชพืช ควรศึกษาวิธีการใช้สารโดยอ่านจากฉลากอย่างละเอียด หากยังไม่เข้าใจสามารถขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ เกษตรกรที่มีพื้นที่ติดกันและปลูกพืชต่างชนิดกันควรพูดคุยทำความเข้าใจซึ่งกันและกันถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการปลูกพืชหรือก่อนที่จะมีการพ่นสารกำจัดวัชพืช เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น และลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างเกษตรกรด้วยกัน




สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)