15 พฤศจิกายน 2560

การจัดการดิน ปุ๋ยและเศษซากพืช ในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

การจัดการดิน ปุ๋ย และเศษซากพืชอย่างเหมาะสม สามารถลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินอย่างยั่งยืน

สมบัติของดินที่เหมาะสม
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สามารถปลูกในดินร่วน ร่วนปนทราย ร่วนเหนียว ดินเหนียว ที่มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง- สูง มีการระบายน้ำดี ค่าความเป็นกรด-ด่าง 5.5-7.5

ความต้องการธาตุอาหารของข้าวโพด
        ปริมาณธาตุอาหารที่ข้าวโพดดูดใช้ เพื่อสร้างผลผลิต 1 ตันต่อไร่
     -ไนโตรเจน 18 กก. N/ไร่
     - ฟอสฟอรัส       3.5 กก. P/ไร่
                            8 กก. P2O5 /ไร่
     - โพแทสเซียม   9 กก. K/ไร่
                           11 กก. K2O/ไร่

ปริมาณธาตุอาหารในเศษซาก ต้น ใบข้าวโพดที่ให้ผลผลิต 1 ตัน/ไร่
คาร์บอน        600 กก. C/ไร่
ไนโตรเจน         5 กก. N/ไร่
ฟอสฟอรัส 0.6 กก. P/ไร่ ( 1.4  กก. P2O5/ไร่ )
โพแทสเซียม    4 กก. K/ไร่ ( 4.8  กก. K2O/ไร่ )
          คิดเป็นต้นทุนธาตุอาหารจากปุ๋ยเคมี  330 บาท/ไร่

การจัดการดิน 
  • คลุกเมล็ดด้วยปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์  1  ถุง  (500 กรัม)  ต่อเมล็ด  3-5  กก. 
  • ใส่ปุ๋ยรองพื้นพร้อมปลูก  ด้วยปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบทั้ง  N  P  K  เพื่อให้พืชตั้งตัวได้ดี
  • ใส่ปุ๋ยครั้งที่  2  ให้ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนเมื่อข้าวโพดอายุ  20-30  วัน  เพื่อเตรียมต้นให้สมบูรณ์พร้อมสำหรับการออกดอก
  • หลังเก็บเกี่ยว ควรไถกลบเศษซากข้าวโพด เพื่อให้ธาตุอาหารกลับคืนสู่ดิน ช่วยรักษาดินไม่ให้เสื่อมโทรม

              
         ++ระยะเริ่มงอก  พืชใช้ธาตุอาหารปริมาณน้อย ระยะออกดอกและติดฝัก  พืชเจริญเติบโตสูงสุด การดูดใช้ธาตุอาหารเริ่มลดน้อยลง++


< การใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ สามารถลดการใช้ปุ๋ย  N  P  K  ได้  25% 
< การใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินร่วมกับปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์  เพิ่มผลผลิตได้  10%  และลดต้นทุนได้  20%
< การไถกลบเศษซากข้าวโพดกลับลงไปในดิน  ช่วยรักษาคุณภาพดิน ทำให้การผลิตข้าวโพดมีความยั่งยืน


ข้อมูล : กลุ่มวิจัยปฐพีวิทยา กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร

24 กันยายน 2560

พันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมการค้า ภาครัฐและเอกชน

ข้อมุลลักษณะเด่น และลักษณะทางการเกษตรที่สำคัญของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ลูกผสม จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน  ซึ่งที่ได้จากการปลูก ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ต้นฤดูฝน ปี 2560 วันปลูก  28 เมษายน 2560  เก็บเกี่ยว 24 สิงหาคม 2560 อายุ ณ วันเก็บเกี่ยว 118 วัน

ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ 
ที่อยู่ 146 หมู่ 1 ต.สุขสำราญ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ 60190 โทรศัพท์ 056-241019

1.นครสวรรค์ 3
ทนแล้ง ต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง และราสนิม เก็บเกี่ยวง่าย
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 51 วัน/51 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.4 เมตร/1.3 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         83.23 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      21.92 เปอร์เซ็นต์

2. นครสวรรค์ 2
มีระบบรากแข็งแรง ทนแล้ง ต้านทานโรคราน้ำค้าง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 52 วัน/50 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.4 เมตร/1.3 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         81.50 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      23.52 เปอร์เซ็นต์

3. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์ดีเด่น NSX 042022 (พันธุ์นครสวรรค์ 4)
ทนแล้ง ต้านทานโรคราสนิม ราน้ำค้าง และใบไหม้แผลใหญ่
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 50 วัน/49 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.1 เมตร/1.1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         85.82 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      20.59 เปอร์เซ็นต์


4. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์ดีเด่น NSX 052014 (พันธุ์นครสวรรค์ 5)
ทนแล้ง ฝักแห้งเร็ว ต้านทานโรคราสนิม ใบไหม้แผลใหญ่ และราน้ำค้าง
สามารถเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 100  วัน
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 48 วัน/48 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.3 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         84.97 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      19.68 เปอร์เซ็นต์


5. พันธุ์ผสมเปิดนครสวรรค์ 1 
อายุการเก็บเกี่ยว 100 วัน ต้านทานโรคโคนเน่าและโรคราน้ำค้าง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 47 วัน/47 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.2 เมตร/1.1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         85.24 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      18.61 เปอร์เซ็นต์
*พันธุ์ผสมเปิด สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ปลูกรุ่นต่อไปได้


ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ
 ที่อยู่ 298 ถ.มิตรภาพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 โทรศัพท์ 044-361700-2

1. สุวรรณ 4452
ทนแล้งดีพอสมควร และทนฝนตกหนัก
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 50 วัน/50 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.4 เมตร/1.3 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         82.91 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      27.36 เปอร์เซ็นต์

2. พันธุ์ผสมเปิดสุวรรณ 5 
เหมาะสำหรับ เก็บฝักแห้งและใช้เป็นข้าวโพดหมัก
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 53 วัน/53 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.5 เมตร/1.3 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         84.18 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      24.96 เปอร์เซ็นต์


บริษัทเจริญโภคภัณฑ์โปรดิ้วส์ จำกัด
ที่อยู่ ตู้ปณ. 1 ปณ.วังม่วง อ.วังม่วง จ.สระบุรี 18220 โทรศัพท์ 036-722440

1. CP 639
ฝักอ้วนใหญ่ เมล็ดโต  ติดสุดปลาย ระบบราก-ลำต้นแข็งแรง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 50 วัน/51 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.4 เมตร/1.1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         84.48 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      28.58 เปอร์เซ็นต์

2. CP 640
ฝักใหญ่ สีสวย ต้านทานโรคใบไหม้แผลใหญ่ ราก-ลำต้นแข็งแรง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 51 วัน/52 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.7 เมตร/1.3 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         82.92 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      26.20 เปอร์เซ็นต์


บริษัท มอนซานโต้ ไทยแลนด์ จำกัด
ที่อยู่ 56 หมู่ 6 ถนนวังทอง-เขาทราย ต.ดินทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก 65130 โทรศัพท์ 055-394000

1. 9898C 
ยืนต้นได้ดี ทนต่อโรคทางใบ ปรับตัวดีทั้งฤดูฝนและหลังนา
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 48 วัน/48 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.3 เมตร/1.1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         82.79 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      25.75 เปอร์เซ็นต์

2. 9919C 
ยืนต้นได้ดีมาก ความชื้นต่ำ เหมาะมากสำหรับรถเกี่ยว
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 47 วัน/48 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.3 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         84.91 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      24.22 เปอร์เซ็นต์


บริษัทแปซิฟิกเมล็ดพันธุ์ จำกัด
ที่อยู่ ตู้ปณ. 15 อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 18120 โทรศัพท์ 036-267877-8

1. Pac 139
เปอร์เซ็นต์กะเทาะสูงมาก ปรับตัวได้กว้าง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 50 วัน/50 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.3 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         90.16 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      24.22 เปอร์เซ็นต์

2. Pac 164
ฝักกระบอกใหญ่ เปอร์เซ็นต์กะเทาะสูง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 50 วัน/50 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.3 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         88.80 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      27.62 เปอร์เซ็นต์


ไพโอเนียร์ไฮเบรด
ที่อยู่ 71 หมู่ 13 ซอย 9 ถ.สาย 2 ขวา ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 15220 โทรศัพท์ 081-8042310

1. P 3875
ฝักใหญ่สม่ำเสมอ แกนเล็ก ฝักหักง่าย ทนแล้ง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 49 วัน/49 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.7 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         82.50 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      24.96 เปอร์เซ็นต์

2. P 4554
เก็บสด สีสวย ฝักใหญ่สม่ำเสมอ คุณภาพฝักดี ต้านทานโรคทางใบ
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 51 วัน/51 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.5 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         85.96 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      26.05 เปอร์เซ็นต์


เมล็ดพันธุ์ เอเชีย จำกัด
ที่อยู่ 192 ต.อุดมธัญญา อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ 60190 โทรศัพท์ 056-396512

1. LG 36769
ฝักใหญ่ยาว เปอร์เซ็นต์กะเทาะสูง สีสวย ยืนต้นดี
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 53 วัน/53 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.4 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         85.18 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      26.50 เปอร์เซ็นต์

2. LG 38778
ฝักยาว ทนแล้ง สีสวย ทนโรค
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 50 วัน/49 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.5 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         81.98 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      26.50 เปอร์เซ็นต์


ซินเจนทาซีสด์
ที่อยู่ 48 ม.9 ต.หนองพิกุล อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ 60190 โทรศัพท์ 056-263022

1. S 7328
ฝักใหญ่ น้ำหนักดี ยืนต้นนาน ทนทานโรคทางใบ
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 52 วัน/52 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.4 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         82.55 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      27.36 เปอร์เซ็นต์

2. S 6248
น้ำหนักดี ทนแล้ง เมล็ดสีส้มคุณภาพดี
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 51 วัน/51 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.3 เมตร/1.1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         83.16 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      26 เปอร์เซ็นต์


ชรีแรม ไบโอซีด
ที่อยู่ 114/59 หมู่ 9 หมู่บ้านราชพฤกษ์ ถ.พหลโยธิน ต.ขุนโขลนอ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 18120 โทรศัพท์ 082-5410413

1. BD 51348
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 49 วัน/49 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.5 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         83.46 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      27.50 เปอร์เซ็นต์

2. BD 51477
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 47 วัน/47 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.3 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         85.56 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      25.60 เปอร์เซ็นต์


วิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชไทย จำกัด
ที่อยู่ 16/97 ม.13 ต.พระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 18120 โทรศัพท์ 036-716233-4

1. TS 1004
ต้นแข็งแรง ทนแล้ง น้ำหนักดี เก็บเกี่ยวได้เมื่อ 95 วัน
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 47 วัน/49 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก    2 เมตร/1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         81.04 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      26.20 เปอร์เซ็นต์

2. TS 2463
ฝักเสมอ เปอร์เซ็นต์กะเทาะสูง ความชื้นต่ำ เก็บเกี่ยวได้ไว
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 47 วัน/48 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.5 เมตร/1.1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         88.52 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      23.04 เปอร์เซ็นต์



เวิลด์ซีดส์ จำกัด
ที่อยู่ 89/477 หมู่ 5 ซอยโอฬาร2 ถนน นวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10240 โทรศัพท์ 02-7387337-8, 053-017066-7, 081-5318612

1. World seed 3377
เมล็ดแกร่ง ฝักสม่ำเสมอ น้ำหนักดี ปรับตัวได้กว้าง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 52 วัน/52 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.3 เมตร/1.1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         81.84 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      26.20 เปอร์เซ็นต์

2. World seed 3399
ฝักใหญ่ยาว เมล็ดโต รากลำต้นแข็งแรง ทนต่อโรคทางใบ
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 54 วัน/54 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.6 เมตร/1.3 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         85.98 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      24 เปอร์เซ็นต์


เคดับบลิว เอสซีดส์
ที่อยู่ 157/5 ม.2 ถ.เลียบคันคลองชลประทาน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300 โทรศัพท์ 053-214751

1. KWS 8933
กล้าแกร่ง โตไว ฝักใหญ่ยาว หักง่าย น้ำหนักดี
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 53 วัน/53 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.6 เมตร/1.4 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         84.59 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      25.12 เปอร์เซ็นต์

2. KWST 535
เก็บเกี่ยวไว ทนแล้ง ฝักใหญ่ยาว ติดเต็มสุด
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 50 วัน/52 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.5 เมตร/1.3 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         83.77 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      19.52 เปอร์เซ็นต์


สุภิราชการเกษตรป้าว จำกัด
ที่อยู่ 272 ม.1 ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ 50190 โทรศัพท์ 053-257111

1. SP 6138
ฝักยาว เมล็ดสีส้ม แกนเล็ก ระบบรากแข็งแรง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 50 วัน/52 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.6 เมตร/1.4 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         80.19 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      21.92 เปอร์เซ็นต์

2. SP 6141
เมล็ดสีส้มเข้ม แกนเล็ก ระบบรากแข็งแรง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 51 วัน/52 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.5 เมตร/1.4 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         79.28 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      22.40 เปอร์เซ็นต์


เอเชีย ครอปส์ จำกัด
ที่อยู่ 74 ถ.แสมดำ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 โทรศัพท์ 081-9355510

1. ทับทิมแดง
ต้นเตี้ย ไม่หักล้ม ทนแล้ง ต้านทานโรคราน้ำค้างและโรคใบไหม้
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 51 วัน/51 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.1 เมตร/1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         83.91 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      23.52 เปอร์เซ็นต์


โกลคอนดา เอเชีย จำกัด
ที่อยู่ 154 ม.5 ต.หนองหนาม อ.เมือง จ.ลำพูน 51000 โทรศัพท์ 053-598118

1. GT 722
สีส้มสวย แกนเล็ก ทนโรคราสนิม
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 52 วัน/51 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.4 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         84.11 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      27.08 เปอร์เซ็นต์

2. GT 709
ฝักใหญ่ ทรงกระบอก ทนโรคราสนิม
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 52 วัน/52 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.1 เมตร/1.1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         85 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      28.58 เปอร์เซ็นต์


พืชพันธุ์ตะวันเหนือ จำกัด
ที่อยู่ 176 ม.1 ต.สันกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ 50120 โทรศัพท์ 053-311198

1. SM 598
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 48 วัน/48 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.2 เมตร/1.1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         85.11 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      22.56 เปอร์เซ็นต์

2. SM 599
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 50 วัน/50 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.4 เมตร/1.3 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         85.24 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      25.85 เปอร์เซ็นต์


ดับบลิว เอสซีดส์
ที่อยู่ 609/5 นวมินทร์ 137 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพ 10230 โทรศัพท์ 062-5900993

1. WS 6409
ปรับตัวได้กว้าง ทนแล้ง ต้นเขียวเข้ม เก็บเกี่ยวง่าย ทนโรคทางใบ
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 52 วัน/52 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.3 เมตร/1.1 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         87.28 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      22.72 เปอร์เซ็นต์


สยามซีดส์ อินเตอร์ จำกัด
ที่อยู่ 272 ม.1 ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ 50190 โทรศัพท์ 053-257111

1. SD 6014
ฝักใหญ่ ปลูกได้ทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 ฝักมีจำนวนแถว 16-20 แถว
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 51 วัน/51 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.5 เมตร/1.3 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         84.64 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      24.22 เปอร์เซ็นต์

2. SD 6021
แกนเล็ก ฝักหุ้มมิด ไม่เป็นราดำ สีสวย เมล็ดแกร่ง
อายุวันออกดอกตัวผู้/ไหม 52 วัน/52 วัน
ความสูงต้น/ความสูงฝัก   2.4 เมตร/1.2 เมตร
เปอร์เซ็นต์กะเทาะ         81.70 เปอร์เซ็นต์
ความชื้น ณ เก็บเกี่ยว      25.12 เปอร์เซ็นต์

download ไฟล์ PDF
https://drive.google.com/file/d/0B58AXFUFCk9nTUNqcG5XTWZ4R0E/view?usp=drivesdk

ที่มา : สุริพัฒน์ ไทยเทศ ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์

18 กันยายน 2560

แมลงบั่วมะม่วง/บั่วปมในมะม่วง


ลักษณะการเข้าทำลาย
แมลงบั่วเป็นแมลงปากซับดูด ตัวเต็มวัยเข้าทำลายพืชลักษณะคล้ายยุง มีลำตัวสีเขียว สามารถทำลายได้ตั้งแต่ใบ ดอก ผลอ่อน

ใบ  :  พบอาการตั้งแต่ใบอ่อนจนถึงใบแก่ โดยพบตุ่มบนหลังใบขนาดเล็กประมาณ 0.1-0.2 มิลลิเมตร ตอนแรกจะเป็นสีเหลืองต่อมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนและเป็นสีดำในที่สุด มีรูที่ตุ่มด้านบนเป็นร่องรอยของแมลงบั่วเจาะออกไป
ดอก  :  มีลักษณะบวมโป่งพอง ขนาดของดอกโตกว่าดอกปกติ เมื่อผ่าดอกจะพบหนอนสีครีมใสหลายตัว
ผลอ่อน  :  ผลอ่อนโป่งพองใสกลม และพบจุดสีน้ำตาลหรือดำที่ผลเป็นร่องรอยการเจาะออกของแมลงและทำให้ผลมะม่วงร่วงเสียหายมาก


จะพบปุ่มปมบนใบมะม่วงในสวนมะม่วงทั่วไปที่ไม่ค่อยดูแลและตัดแต่งกิ่งซึ่งเป็นแหล่งสะสมของแมลง เมื่อถึงฤดูกาลติดดอกออกผลของมะม่วงระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ แมลงจะเข้าทำลายดอกและผลอ่อนของมะม่วง จะทำให้ดอกและผลอ่อนของมะม่วงร่วงหล่นเสียหาย พบแมลงชนิดนี้ระบาดในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ที่อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตมะม่วงส่งออกที่สำคัญของภาคเหนือ โดยเฉพาะพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง มีพื้นที่ปลูกประมาณ 5,000 ไร่ ถูกแมลงบั่วทำลายมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ บางรายเสียหาย 100 เปอร์เซ็นต์ ชาวสวนจำเป็นต้องทำมะม่วงรุ่นใหม่ เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิต และทำให้การส่งออกมะม่วงไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

การป้องกันกำจัด
1. หลังเก็บเกี่ยวมะม่วงเสร็จในแต่ละฤดูกาล ควรมีการตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง ไม่เป็นที่สะสมของแมลงและโรค
2. ในเขตที่เคยพบแมลงระบาด ควรสำรวจแปลงมะม่วงสม่ำเสมอถ้าพบการทำลายให้รีบป้องกันกำจัดด้วยสารเคมี คาร์บาริล หรืออิมิดาโคลพริด ตามอัตราแนะนำ

แหล่งข้อมุล : สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 กรมวิชาการเกษตร


ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตข้าวโพด ด้วยปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-วัน

ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ หรือ ปุ๋ยชีวภาพแบคทีเรียส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช (Plant Growth Promoting Rhizobacteria, PGPR) ประกอบด้วยแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในดินบริเวณรอบรากพืชและช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้ โดยแบคทีเรียกลุ่มนี้มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจน เพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืช สร้างสารซิเดอโรฟอร์ (siderophores) ที่ช่วยเพิ่มการนำธาตุเหล็กเข้าสู่เซลล์พืช และยังสามารถสร้างฮอร์โมนพืช (phytohormones) เช่น ฮอร์โมนกลุ่มออกซิน (auxins) ซึ่งกระตุ้นการยืดตัวของเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการเปลี่ยนสภาพของเซลล์



ประโยชน์ของปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์
- ลดการใช้ปุ๋ยเคมี 25% ของอัตราแนะนำตามค่าวิเคราะห์ดิน
- ช่วยเพิ่มปริมาณรากอย่างน้อย 20%
- ช่วยเพิ่มผลผลิตพืชอย่างน้อย 10%
- เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดน้ำและปุ๋ยอย่างน้อย 15%

วิธีการใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-วัน ในข้าวโพดและข้าวฟ่าง
คลุกเมล็ดก่อนปลูก
ใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-วัน จำนวน 1 ถุง ผสมน้ำให้ข้น แล้วนำเมล็ดข้าวโพด 3-4 กิโลกรัม หรือ เมล็ดข้าวฟ่าง   2-3 กิโลกรัม คลุกเคล้าจนเนื้อปุ๋ยเคลือบติดผิวเมล็ด แล้วจึงนำไปปลูกทันที
ใช้รองก้นหลุม
ใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-วัน จำนวน 1 ถุง ละลายน้ำสะอาด 20 ลิตร ราดกองปุ๋ยที่หมักสมบูรณ์แล้ว ประมาณ 250 กิโลกรัม ปรับความชื้นในกองปุ๋ยหมักให้ได้ประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วบ่มไว้ 1 สัปดาห์ ใช้รองก้นหลุมก่อนปลูก อัตรา 250 กิโลกรัมต่อไร่

สอบถามเพิ่มเติม/สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ : กลุ่มงานวิจัยจุลินทรีย์ดิน กลุ่มวิจัยปฐพีวิทยา กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร โทร.02-561-4763

แหล่งข้อมูล : กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร

29 สิงหาคม 2560

พันธุ์นครสวรรค์ 3 จากต้นน้ำสู่ปลายทาง


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 จัดเป็นผลงานวิจัยเด่นของกรมวิชาการเกษตร โดยมีรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น ประจำปี 2552 กรมวิชาการเกษตร สาขางานวิจัยประยุกต์ เป็นที่รับรอง
จากคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านความทนทานแล้งและต้านทานต่อโรคราน้ำค้างซึ่งเป็นโรคที่สำคัญของข้าวโพด ทำให้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 เป็นที่ยอมรับและแพร่หลายในวงกว้าง ทั้งจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยังรวมไปถึงกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสม อันประกอบไปด้วย เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร รวมถึงบริษัทผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์เอกชนรายย่อย ผ่านการส่งเสริม เผยแพร่ กระจายพันธุ์ผ่านโครงการต่างๆ หลากหลายโครงการ อาทิ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสม โครงการหมู่บ้านเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น ซึ่งจัดเป็นการบูรณาการงานวิจัยเพื่อนำผลงานวิจัยจากต้นน้ำ เผยแพร่สู่การนำไปใช้ประโยชน์ปลายน้ำ ที่ประสบความสำเร็จยิ่ง จากปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดพันธุ์ดี มีคุณภาพ ให้ผลผลิตสูง และลดความเสี่ยงต่อสภาวะฝนแล้ง รวมถึง หากเกษตรกรสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ใช้เองจะช่วยลดต้นทุนการผลิต เป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรได้
นอกจากนี้ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ได้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้พ่อและแม่ของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 คือสายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 พันธุ์แม่ และสายพันธุ์แท้ตากฟ้า 3 พันธุ์พ่อ สนับสนุนให้หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน สหกรณ์การเกษตร และเกษตรกร สามารถนำไปผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมที่มีคุณภาพเพื่อใช้ หรือจำหน่าย เป็นการเพิ่มช่องทางการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 ออกสู่วงกว้างมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจเมล็ดพันธุ์รายย่อยที่ยังขาดงานด้านวิจัยและพัฒนา ให้สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์จำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าของตน ที่มีคุณภาพทัดเทียม และสามารถแข่งขันได้ในธุรกิจเมล็ดพันธุ์ สอดรับการเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชหรือ Seed Hub ในระดับสากล ซึ่งกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน โดยมีการสนับสนุนให้เมล็ดพันธุ์พืชของไทยมีคุณภาพสามารถออกสู่ตลาดโลกเพื่อการแข่งขันได้เพิ่มมากขึ้น และพัฒนาอาชีพการผลิตเมล็ดพันธุ์ให้มีความมั่นคง ยั่งยืนต่อไป

เส้นทางของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย
จุดเริ่ม ต้นน้ำ:  การวิจัยและพัฒนาพันธุ์  
          ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 เป็นผลผลิตจากโครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทนทานแล้ง เริ่มจากการพัฒนาข้าวโพดสายพันธุ์แท้พ่อแม่ ระหว่างปี 2543-2546 และพัฒนาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสม ระหว่างปี 2547-2551 โดยนำสายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 และตากฟ้า 3 ผสมพันธุ์กัน ได้พันธุ์ข้าวโพดลูกผสมเดี่ยว NSX 042029 ซึ่งต่อมาได้ผ่านการรับรองพันธุ์และตั้งชื่อเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมนครสวรรค์ 3  ผ่านการประเมินผลผลิตในแหล่งปลูกข้าวโพดที่สำคัญของประเทศไทย ตามขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ ได้แก่ เปรียบเทียบเบื้องต้น เปรียบเทียบมาตรฐาน เปรียบเทียบในท้องถิ่น และเปรียบเทียบในไร่เกษตรกร ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีการการศึกษาและการประเมินลักษณะต่างๆ อาทิเช่น การประเมินความทนทานแล้ง การประเมินปฏิกิริยาการเกิดโรคราสนิม การประเมินปฏิกิริยาการเกิดโรคราน้ำค้าง การศึกษาความเสียหายของเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากการทำลายของด้วงงวงข้าวโพด การศึกษาอัตราแถวปลูกสายพันธุ์แท้พันธุ์พ่อ และแม่ที่เหมาะสม และการทดสอบการยอมรับของเกษตรกร เป็นต้น  ผ่านการรับรองพันธุ์จากกรมวิชาการเกษตรให้เป็นพันธุ์รับรอง “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมนครสวรรค์ 3” ในปี 2552 และในปีเดียวกัน ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น ประจำปี 2552 กรมวิชาการเกษตร สาขางานวิจัยประยุกต์

          ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมนครสวรรค์ 3 เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 เป็นสายพันธุ์แม่ และสายพันธุ์แท้ตากฟ้า 3 เป็นสายพันธุ์พ่อ  มีลักษณะเด่น คือ ทนทานแล้งในระยะข้าวโพดออกดอก ผลผลิตสูง ต้านทานโรคราน้ำค้าง โรคราสนิม และเก็บเกี่ยวง่าย ให้ผลผลิตเฉลี่ยในสภาพปกติ 1,106 กิโลกรัมต่อไร่ และผลผลิตเฉลี่ยในสภาพขาดน้ำในระยะออกดอก 836 กิโลกรัมต่อไร่ มีเสถียรภาพในการให้ผลผลิตดีสามารถปลูกได้ทั่วไปในสภาพการผลิตข้าวโพดของประเทศไทย

ก้าวเดิน กลางน้ำ : การผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมและสายพันธุ์แท้พ่อและแม่
          เพื่อให้ผลงานวิจัยนำไปใช้ประโยชน์ให้ถึงมือเกษตรกร หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ทางศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ จึงวางแผนการผลิตเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์คัดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1  และ ตากฟ้า 3 ตั้งแต่ปี 2552 ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดของนักปรับปรุงพันธุ์พืช เพื่อให้ได้สายพันธุ์แท้ที่มีความบริสุทธิ์ของพันธุ์ สำหรับนำไปขยายเป็นเมล็ดพันธุ์หลักเพื่อให้เพียงพอต่อการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมนครสวรรค์ 3  นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ได้จัดทำโครงการนำร่องเพื่อความร่วมมือในและการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดลูกผสมนครสวรรค์ 3  ในเชิงพาณิชย์ ภายใต้สิทธิสัญญาประโยชน์การใช้สายพันธุ์แท้ข้าวโพดกรมวิชาการเกษตร ในปี 2550 ร่วมมือกับผู้ประกอบการ จำนวน 3 ราย  คือ บริษัท สุภิราชการเกษตรป้าว จำกัด  บริษัท ป้าวธุรกิจการเกษตร จำกัด และ บริษัทเชียงใหม่อุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ ผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมนครสวรรค์ 3 จำหน่ายเชิงพาณิชย์  

        จากความสำเร็จในปี 2552 เป็นที่ประจักษ์ว่า การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 สามารถลดต้นทุนการผลิตในด้านค่าเมล็ดพันธุ์ ประกอบกับพันธุ์นครสวรรค์ 3 มีศักยภาพในการให้ผลผลิตสูงและทนแล้ง จึงมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 และตากฟ้า 3 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 สำหรับไว้ใช้เองและจำหน่าย โดยในปี 2553 ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 จำนวน 1.5 ตัน และสายพันธุ์แท้ตากฟ้า 3 จำนวน 0.5 ตัน เพื่อจำหน่ายให้เกษตรกร ภาคเอกชน และภาครัฐ นำไปใช้ผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมในพื้นที่ 500 ไร่ ได้ผลผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 จำนวน 125 ตัน ครอบคลุมพื้นที่ปลูก 41,666 ไร่

        การที่ความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้พ่อและแม่เพื่อผลิตลูกผสมนครสวรรค์ 3 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้ในปี 2559 และ 2560 ทางศูนย์พืชไร่นครสวรรค์ได้รับจัดสรรงบประมาณให้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 และสายพันธุ์แท้ตากฟ้า 3 เพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตเมล็ดพันธุ์ในปี 2558 โดยมีปริมาณการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 จำนวน 15 ตัน และสายพันธุ์แท้ตากฟ้า 3 จำนวน 5 ตัน ครอบคลุมพื้นที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมจำนวน 5,000 ไร่

        การดำเนินงานตั้งแต่ปี 2553-2560 ได้ผลผลิตรวมทั้งหมดของเมล็ดพันธุ์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 จำนวน 6,113 ตัน ครอบคลุมพื้นที่ปลูก 2.03 ล้านไร่ (ตารางที่ 1) ซึ่งปริมาณความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยมีถึงปีละ 20,000 ตันต่อปี (เกรียงศักดิ์และคณะ, 2555) แม้ยอดการผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 จะผลิตได้เฉลี่ยเพียงปีละ 873 ตัน หรือ 4.4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปริมาณความต้องการของประเทศก็ตาม แต่เป็นการสร้างโอกาสและสนับสนุนให้เกษตรกรได้ใช้พันธุ์ดีที่พัฒนาพันธุ์โดยกรมวิชาการเกษตร อีกทั้งเกษตรกรยังสามารถพึ่งพาตนเองโดยการผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ สามารถลดต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และยังเป็นการขยายผลงานวิจัยสู่การนำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม (แผนภาพที่ 1)




ภาพที่ 1 แผนผังการผลิต และการใช้ประโยชน์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3

สู่เป้าหมาย ปลายน้ำ: การขยายเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์
          จากกระแสการตอบรับพันธุ์นครสวรรค์ 3 ทำให้มีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์เพิ่มมากขึ้น โดยศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ มีการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้พ่อและแม่ พร้อมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 ให้กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร โดยในพื้นที่ 1 ไร่ มีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 จำนวน 3 กิโลกรัม และสายพันธุ์แท้ตากฟ้า 3 จำนวน 1 กิโลกรัม โดยใช้อัตราแถวปลูกแม่ต่อพ่อ 4:1 แถว นอกจากนี้ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ยังให้บริการข้อมูลวิชาการและคำแนะนำแก่ผู้สนใจผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 และออกใบรับรองการซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 และตากฟ้า 3 ให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร ใช้ประกอบการขออนุญาตรวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ (พ.พ) เพื่อเป็นการต่อยอดและสร้างโอกาสในการก้าวเข้าสู่ผู้ประกอบธุรกิจเมล็ดพันธุ์

          จำนวนผู้ใช้ประโยชน์เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้
          ผลจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสม และการสร้างเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ให้กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สหกรณ์การเกษตร และเกษตรกร ตั้งแต่ปี 2553-2560 พบว่า ทุกภาคส่วนมีความสนใจผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี (ภาพที่ 2) ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาราคาเมล็ดพันธุ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เกษตรกรมีความเสี่ยงที่ต้องปลูกใหม่ ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนของเกษตรกรที่สนใจผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง โดยในปี 2553 มีเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์จำนวน 11 ราย ขณะที่ปี 2560 มีเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์เพิ่มขึ้นถึง 186 ราย โดยประกอบด้วยเกษตรกรรายเดิมจำนวน 54 ราย เกษตรกรรายใหม่จำนวน 132 ราย รองลงมาได้แก่ ภาคเอกชน ที่มีผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้นจากเดิม 9 บริษัทในปี 2553 เป็นจำนวน 31 บริษัท ในปี 2559 แต่ในปี 2560 มีการรวมกลุ่มผู้ประกอบการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ผู้ประกอบการลดลงเหลือเพียงจำนวน 17 บริษัท



ภาพที่ 2 จำนวนผู้ใช้ประโยชน์เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ ปี 2553-2560


          ปริมาณการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3
          ปริมาณการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ที่ผลิตโดยศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ตั้งแต่ปี 2553-2560 จำนวน 96 ตัน พบว่า มีการนำใช้ประโยชน์ในระดับเกษตรกร และเชิงพาณิชย์ เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงานและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยภาคเอกชนมีปริมาณการใช้ประโยชน์เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2553 มีปริมาณการใช้ประโยชน์จำนวน 1.3 ตัน เพิ่มปริมาณเป็น 5.1 ตัน ในปี 2560 สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 จำนวน 316 ตัน สำหรับจำหน่ายให้เกษตรกรภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง และส่งไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว และเวียดนาม เป็นต้น

         สหกรณ์การเกษตร เข้ามามีบทบาทการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา มีปริมาณการใช้ประโยชน์เมล็ดพันธุ์สายพันธุ์แท้อย่างต่อเนื่อง โดยในเฉพาะ
ปี 2557 สหกรณ์นิคมแม่สอด สหกรณ์นิคมแม่ระมาด และสหกรณ์การเกษตรแม่แจ่ม มีปริมาณการใช้ประโยชน์เมล็ดพันธุ์สายพันธุ์แท้สูงถึง 8.47 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2556 สหกรณ์จะมีกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์จำหน่ายให้สมาชิกและเกษตรกรรายอื่น โดยในปี 2560 สหกรณ์มีพื้นที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 จำนวน 1,252 ไร่ สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 จำนวน 313 ตัน  (ภาพที่ 3) เป็นการเพิ่มช่องทางให้เกษตรกรได้เข้าถึงเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ และราคาถูก

          ในภาพรวมตั้งแต่ปี 2553-2560 พบว่า ปริมาณการใช้ประโยชน์เมล็ดพันธุ์สายพันธุ์แท้ในส่วนของภาคเอกชน สหกรณ์การเกษตร เกษตรกร กรมวิชาการเกษตร และหน่วยงานรัฐอื่นๆ คิดเป็น 35 28 22 13 และ 2 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ (ภาพที่ 4)



ภาพที่ 3 ปริมาณการใช้ประโยชน์เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ ปี 2553-2560



ภาพที่ 4 สัดส่วนปริมาณการใช้ประโยชน์เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ ปี 2553-2560


       แหล่งผลิตและฤดูการผลิต
       การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 ส่วนใหญ่มีการผลิต 2 ฤดู คือ ฤดูแล้ง (ก.ย.-ธ.ค.) และฤดูฝน (พ.ค.-ส.ค.) คิดเป็น 40 และ 60 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ โดยอยู่ในเขตภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก คิดเป็น 79 18 2 และ 1 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ 
(ภาพที่ 5) จังหวัดที่มีพื้นที่การผลิตเมล็ดพันธุ์มากที่สุดได้แก่ เชียงใหม่ และตาก ตามลำดับ โดยได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 จากสหกรณ์การเกษตร และภาคเอกชน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพภูมิอากาศเหมาะสม ทำให้ได้ผลผลิตเมล็ดพันธุ์ต่อไร่ที่สูงกว่าการผลิตในพื้นที่ภาคอื่นๆ รวมทั้งมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ เนื่องจากค่าแรงงานถูก



ภาพที่ 5  สัดส่วนพื้นที่การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 ปี 2553-2560 


การพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์
          ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ ให้มีการผลิตให้ได้คุณภาพเมล็ดพันธุ์ตามมาตรฐานของกรมวิชาการเกษตร โดยการจัดการฝึกอบรม ศึกษาดูงาน การทำแปลงต้นแบบ และร่วมเป็นวิทยากรให้กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ การปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ และตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์เบื้องต้น พร้อมทั้งติดตามและให้คำแนะนำแก่เกษตรกรผู้ที่สนใจผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 โดยปี 2553 -2560 ได้ดำเนินการฝึกอบรม ศึกษาดูงาน และฝึกงาน รวมทั้งเป็นวิทยากร จำนวนทั้งสิ้น 145 ครั้ง ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ 525 ราย ภาคเอกชน 100 ราย และเกษตรกร 2,610 ราย รวมทั้งสิ้น 3,235 ราย (ตารางที่ 2)



สรุป

1. นำนวัตกรรมพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 ซึ่งมีศักยภาพให้ผลผลิตสูงและทนทานแล้งไปบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ลูกผสมเพื่อให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตด้วยการผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง

2. พัฒนาศักยภาพของผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ ให้มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน สามารถพึ่งพาตนเองได้ พร้อมพัฒนาธุรกิจเมล็ดพันธุ์ไทยก้าวสู่ Seed Hub

3. พัฒนาศักยภาพของเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สู่ Smart Farmer และ Smart Group

เอกสารอ้างอิง
เกรียงศักดิ์ สุวรรณธาราดล พาโชค พงษ์พานิช และสรรเสริญ จำปาทอง. 2555. สามทศวรรษของ
ธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดไร่ลูกผสมในประเทศไทย. ว. แก่นเกษตร. 4: 16-30.


แหล่งที่มา :  พันธุ์นครสวรรค์ 3 จากต้นน้ำสู่ปลายทาง. การประชุมวิชาการสถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2560 วันที่ 29-30 สิงหาคม 2560 ณ โรงแรมระยองรีสอร์ท จังหวัดระยอง

เนื้อหา