23 มิถุนายน 2551

การพัฒนาพันธุ์ฝ้ายสีธรรมชาติเพื่อหัตถกรรมสิ่งทอ

ปริญญา สีบุญเรือง

พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ผ้าฝ้ายทอมือตากฟ้า
ผลแห่งความสำเร็จจากงานวิจัย ของศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ในปี 2544 ส่งผลให้ฝ้ายพันธุ์ใหม่ ที่มีเส้นใยยาวในชื่อว่า “ตากฟ้า 2” ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
แต่กลับไม่ได้รับการต้อนรับที่ดี เมื่อราคารับซื้อฝ้ายในปีนั้นต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้มีแนวความคิดที่สอดคล้องกันจากบุคคลหลายฝ่ายที่จะนำฝ้ายพันธุ์ใหม่นี้ มาปั่นเป็นเส้นด้ายด้วยมือและนำไปทอเป็นผืนผ้า เพื่อยกระดับมูลค่าของผลผลิต โดยได้รับความช่วยเหลือและร่วมมือร่วมใจกันจากสมาคมอุตสาหกรรมฝ้ายไทย พัฒนาชุมชนอำเภอตากฟ้า และโครงการฝ้ายแกมไหมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำให้เกิดกระบวนการผลิต “ผ้าฝ้ายทอมือตากฟ้า” ขึ้นมา โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนของการปลูกฝ้าย การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยวปุยฝ้าย จนกระทั่งการนำปุยฝ้ายไปหีบเพื่อแยกปุยออกจากเมล็ด
จากนั้นจึงนำปุยฝ้ายที่ได้ไปทำการปั่นเป็นเส้นด้ายด้วยเครื่องเมเดลรีจักราที่พัฒนาโดยโครงการฝ้ายแกมไหม จากเส้นด้ายนำไปสู่กระบวนการทอเป็นผืนผ้า เป็นการสร้างงานให้กับชุมชนในหลายหมู่บ้านของหลายอำเภอ ในจังหวัดนครสวรรค์
จากการผลิตที่ชุมชนมีส่วนร่วม และด้วยความสวยงามของผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ผ้าฝ้ายทอมือตากฟ้า ได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาว ประจำจังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นกระบวนการปั่นเส้นด้ายจากพันธุ์ฝ้ายเส้นใยยาว “ตากฟ้า 2“ โดยเครื่องเมเดลรีจักราก็เป็นที่รู้จัก ได้รับการยอมรับ และแพร่หลายจากหมู่บ้านหนึ่งไปสู่อีกหลายหมู่บ้าน หลายตำบล หลายอำเภอ และหลายจังหวัด แต่พื้นที่การปลูกฝ้ายพันธุ์นี้กลับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ความต้องการเส้นใยจากฝ้าย
ถึงแม้ว่าฝ้ายจะยังคงเป็นพืชเส้นใยที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการใช้เป็นวัตถุดิบหลัก สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอภายในประเทศ ทั้งๆ ที่ในปัจจุบันสิ่งทอจากเส้นใยประดิษฐ์จะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่สิ่งทอจากฝ้ายซึ่งเป็นเส้นใยธรรมชาติก็ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดเช่นเดิม และยังขยายไปสู่หัตถกรรมสิ่งทอพื้นบ้านที่ทำรายได้ให้แก่ชุมชนในรูปของหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ แต่พื้นที่การปลูกฝ้ายของประเทศกลับลดลงมาโดยตลอด ส่งผลให้ผลผลิตฝ้ายของประเทศในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการใช้ภายในประเทศ ทำให้ไทยติดลำดับหนึ่งในสิบของประเทศผู้นำเข้าฝ้ายมากที่สุดเของโลก โดยในปี 2550 มีการนำเข้าฝ้ายถึง 398,840 ตัน คิดเป็นมูลค่า 18.86 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาสำคัญคือแมลง โดยเฉพาะหนอนเจาะสมอฝ้าย ทำให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชชนิดอื่น เข่น อ้อย และ มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกและดูแลรักษาง่ายกว่า แต่ให้
ผลตอบแทนที่สูงกว่า

เพิ่มคุณค่าฝ้ายไทย...การพัฒนาพันธุ์ฝ้ายสีธรรมชาติ
ดังนั้นสิ่งที่จะจูงใจให้เกษตรกรหันกลับมาปลูกฝ้ายจึงควรมุ่งไปที่การพัฒนาพันธุ์ฝ้ายเพื่อเพิ่มมูลค่าของผลผลิต และสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ หรือหัตถกรรมสิ่งทอที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สวยงาม และมีความทันสมัยดึงดูดใจผู้บริโภค
ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์จึงได้ดำเนินการพัฒนาพันธุ์ฝ้ายของไทยให้มีคุณภาพเส้นใยที่ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่สีตามธรรมชาติของเส้นใย สำหรับเป็นทางเลือกใหม่ในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตฝ้ายให้แก่เกษตรกร และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันตลอดจนยกระดับหัตถกรรมสิ่งทอของไทยให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการลดมลภาวะน้ำเสียที่เกิดจากการฟอกย้อม โดยทำการผสมพันธุ์ฝ้ายตากฟ้า 2 กับพันธุ์ฝ้ายเส้นใยสีเขียว เป็นคู่ผสมที่1 และทำการผสมพันธุ์ฝ้ายตากฟ้า 2 กับพันธุ์ฝ้ายเส้นใยสีน้ำตาล เป็นคู่ผสมที่ 2 ในปี 2543 และทำการผสมกลับ 4-5 ชั่ว ระหว่างปี 2545-2546 โดยในการผสมกลับแต่ละครั้งจะทำการเก็บเกี่ยวเฉพาะต้นที่มีลักษณะคล้ายพันธุ์ตากฟ้า 2 แต่ให้เส้นใยสีเขียวในคู่ผสมแรก และ ให้เส้นใยสีน้ำตาลในคู่ผสมที่ 2 จากนั้นทำการปลูกคัดเลือกเพื่อให้ได้ฝ้ายสายพันธุ์ใหม่ ที่มีลักษณะเหมือนพันธุ์ตากฟ้า 2 แต่โดดเด่นกว่า คือมีเส้นใยสีเขียว 1 พันธุ์ และสีน้ำตาลอีก 1 พันธุ์ เพื่อนำไปประเมินผลผลิต และการยอมรับของเกษตรกรตามขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ของกรมวิชาการเกษตร ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาเป็นพันธุ์รับรองของกรมวิชาการเกษตร เพื่อแนะนำและเผยแพร่ให้แก่เกษตรกรต่อไป

ในระหว่างที่ขั้นตอนการพัฒนาพันธุ์ยังไม่สิ้นสุด กระบวนการทดสอบความต้องการของตลาด และการยอมรับในฝ้ายเส้นใยสีเขียว และสีน้ำตาล สำหรับหัตถกรรมสิ่งทอก็ได้ดำเนินการควบคู่กันไปกับการพัฒนาพันธุ์ เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับกลับมาปรับปรุงแก้ไข สำหรับพัฒนาพันธุ์ฝ้ายให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด ด้วยการนำผลผลิตฝ้ายที่ได้มาจากการคัดเลือกปีแล้วปีเล่า ทั้งฝ้ายเส้นใยเขียว และฝ้ายเส้นใยน้ำตาลไปมอบให้แก่กลุ่มผู้ผลิตหัตถกรรมสิ่งทอ เพื่อนำไปทดลองปั่นเป็นเส้นด้าย และนำเส้นด้ายไปทอเป็นลวดลาย หรือเป็นผืนผ้าต่อไป

เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายทอมือด้วยการออกร้านเดินสายทั่วประเทศในรูปของ OTOP ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้กลุ่มผู้ทอผ้ามีความตื่นตัวในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง ให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำแบบใคร แต่ในขณะเดียวกันก็มีการรวมตัวเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สวยงาม ทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์แห่งความเป็นผ้าฝ้ายทอมือตามธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่เสน่ห์จากการปั่นเส้นด้ายหรือการเข็นฝ้ายที่ยังคงสืบทอดประเพณีอยู่ในหลายจังหวัดทางภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน การแลกเปลี่ยนความรู้ในขบวนการอิ้ว เพื่อแยกเอาปุยฝ้ายออกจากเมล็ด จากนั้นนำปุยฝ้ายไปผึ่งแดด แล้วจึงดีดปุยฝ้ายให้ฟูด้วยไม้ธนู และนำมาม้วนเป็นลูกหลี เพื่อส่งให้ฝ่ายเข็นฝ้ายทำหน้าที่เข็นด้วยเครื่องมือโบราณที่เรียกว่า“ ไน “ ให้ปุยฝ้ายจากก้อนลูกหลีกลายเป็นเส้นด้ายที่เรียบ ละเอียด สวยงาม ก่อนที่จะนำมาทอเป็นผืนผ้าที่มีลวดลายงดงาม

ในช่วงที่ผ้าฝ้ายทอมือกำลังได้รับความนิยม จึงเป็นโอกาสอันดีที่ฝ้ายเส้นใยเขียว และฝ้ายเส้นใยน้ำตาลจะสามารถเข้ามาสร้างสีสรรที่เป็นเสน่ห์แห่งสีของเส้นใยฝ้ายที่ได้ตามธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีในการฟอกย้อม ให้แก่ ผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายทอมือจากเส้นใยฝ้ายสีธรรมชาติ ทำให้ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ผลิตหัตถกรรมสิ่งทอ เปอร์เซ็นต์การตอบรับของผู้ผลิตจึงค่อนข้างดี เนื่องจากปัญหาของกลุ่มผู้ผลิตคือไม่สามารถผลิตผ้าทอจากฝ้าย 100 เปอร์เซ็นต์ ได้เนื่องมาจากประการแรก ขาดแคลนเส้นใยฝ้ายเพราะขาดผู้ปลูกฝ้าย และประการที่สองไม่มีเมล็ดพันธุ์ฝ้าย ดังนั้นเมื่อมีการนำเส้นใยฝ้ายสีธรรมชาติมาเสนอถึงแหล่งที่ต้องการ ผู้ใช้ก็ย่อมพอใจเป็นธรรมดา และนักวิจัยก็ปลื้มใจที่ผลงานได้รับการต้อนรับ เนื่องจากผู้ใช้กำลังขาดแคลนวัตถุดิบพอดี เมื่อความต้องการของทั้งสองฝ่ายมาพ้องกัน จากเหตุอันจะนำไปสู่ผล จึงทำให้ได้แนวคิดและแนวทางการพัฒนาพันธุ์ฝ้าย ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภคที่มักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา เนื่องจากมีกลุ่มผู้ผลิตหัตถกรรมสิ่งทอจำนวนมาก จึงมีการแข่งขันกันสูงตามไปด้วย
ฝ้ายในวันนี้อาจเป็นพืชที่ดูแลรักษายากเกินไปเมื่อปลูกในพื้นที่มากกว่า 5 ไร่ และให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับพืชไร่ชนิดอื่น แต่ในอนาคตการปลูกฝ้ายแปลงเล็กๆ เพียงไม่กี่ไร่ของกลุ่มผู้ผลิตหัตถกรรมสิ่งทอ แต่ละกลุ่ม สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผ้าฝ้ายทอมือสีธรรมชาติ อันมีลวดลายสดสวย งดงาม ที่มีสีเขียวของเส้นใยฝ้ายจากธรรมชาติ สอดสลับกับสีน้ำตาลธรรมชาติ น่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกฝ้ายกันอีกครั้งด้วยจุดประสงค์และมุมมองที่เปลี่ยนไป

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ15 ตุลาคม 2551 เวลา 16:27

    อยากรู้ซื่อยาสามัญที่ใช้ฉีดพ่นมันสัมปะหลังที่เป็นใบเหลือง

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ27 กันยายน 2552 เวลา 08:20

    อยากทราบเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตอ้อยในเขตอำเภอตากฟ้า ถ้ามีข้อมูลช่วยส่งมาที่เมล pla_girl_ko@hotmail.com ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ17 กันยายน 2554 เวลา 23:15

    มีผ้าเป็นผืนขายรึป่าวคะ ต้องการซื้อมาทำตัวอย่างงานเพื่อทำโปรเจ็กจบการศึกษาค่ะ สนใขวัสดุตัวนี้มาก รบกวนตอบด้วยนะคะ ling_noi_fanta@hotmail.com

    ตอบลบ
  4. ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์18 กันยายน 2554 เวลา 14:13

    จะประสานให้นักวิจัยที่รับผิดชอบเรื่องนี้ตอบผ่านทางอีเมล์นะคะ

    ตอบลบ

เนื้อหา