1 มีนาคม 2554

ศวร.นครสวรรค์ ร่วมกิจกรรมกีฬาสามัคคี 6 หน่วยงาน

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 54 ศุนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ร่วมการแข่งขันกีฬา 6 หน่วยงาน ณ สนามกีฬาโรงเรียนตากฟ้าวิชาประสิทธิ์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความสามัคคี

7 กุมภาพันธ์ 2554

การประชุมวิชาการข้าวโพดข้าวฟ่างแห่งชาติครั้งที่ 35

กรมวิชาการเกษตรจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม “การประชุมวิชาการข้าวโพดข้าวฟ่างแห่งชาติ ครั้งที่ 35”
ระหว่างวันที่ 24 - 27 พฤษภาคม 2554
ณ โรงแรมมารวย การ์เด้น กรุงเทพฯ

วัตถุประสงค์ของการจัดประชุม
เพื่อให้ผู้ทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับข้าวโพดข้าวฟ่างทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมกันเสนอความก้าวหน้างานวิจัย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประสบการณ์เพื่อพัฒนางานวิจัยข้าวโพดข้าวฟ่างของประเทศไทยให้ก้าวหน้าต่อไป

รูปแบบการจัดประชุม
การนำเสนอผลงานวิจัยภาคบรรยาย ภาคโปสเตอร์ การบรรยายพิเศษ การอภิปราย การจัด
แสดงนิทรรศการ และทัศนศึกษา

รายละเอียดการส่งผลงานเพื่อนำเสนอ
ผู้สนใจสามารถส่งผลงานวิจัยเรื่องเต็ม ภาคบรรยาย และภาคโปสเตอร์ได้ภายในวันที่18 เมษายน 2554
เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกผลงานนำเสนอ ดูรายละเอียดได้ที่ www.doa.go.th/fcri

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ดร.ชุติมา คชวัฒน์ E-mail: koshawatana@yahoo.com
หรือ น.ส.ดารารัตน์ มณีจันทร์ E-mail: dararat_maneechan@hotmail.com
สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร โทร . 0-2579-3930-3

คณะกรรมการจัดการประชุมฯ

เชิญเที่ยวงาน บึงบอระเพ็ดเกษตรแฟร์


จังหวัดนครสวรรค์ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญเที่ยวงาน บึงบอระเพ็ดเกษตรแฟร์ ในวันที่ 23-27 กุมภาพันธ์ 54 ณ แหล่งท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด อ.เมือง จ.นครสวรรค์

กิจกรรมที่น่าสนใจในงาน
- เลือกซื้อสินค้าเกษตร สินค้าราคาถูก สินค้า OTOP
- ร่วมงานสืบชะตาบึงบอระเพ็ด ชมหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ฯ
- การประกวดปลากัด ประกวดพันธุ์ไม้ชวนชม
- นิทรรศการด้านการเกษตร
- สัมมนาทางวิชาการ และอื่นๆ อีกมากมาย

2 กุมภาพันธ์ 2554

ฝ้ายพันธุ์ใหม่ ตากฟ้า 84-4

ฝ้ายพันธุ์ตากฟ้า 84-4 เป็นผลงานการวิจัยและพัฒนาพันธุ์โดย ดร.ปริญญา สีบุญเรือง นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์

ประวัติการพัฒนาฝ้ายพันธุ์ ตากฟ้า 84-4
เกิดจากการผสมข้ามระหว่างพันธุ์ IRMA1243 ซึ่งมีคุณภาพเส้นใยดี แต่อ่อนแอต่อโรคใบหงิก และ พันธุ์ตากฟ้า 2 ที่มีลักษณะใบเรียบ ให้ผลผลิตสูง คุณภาพเส้นใยดี มีความต้านทานโรคใบหงิก แต่อ่อนแอต่อเพลี้ยจักจั่น

ดำเนินการในปี 2540 ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ และ คัดเลือกตั้งแต่ ปี 2542-2545 ในสภาพที่มีการปลูกเชื้อโรคใบหงิกในสภาพไร่ โดยไม่มีการพ่นสารป้องกันกำจัดเพลี้ยอ่อนและเพลี้ยจักจั่นฝ้าย ทำการคัดเลือกแบบเก็บรวม (bulk selection)ในชั่วรุ่นที่ 2-4

และคัดเลือกแบบสายพันธุ์บริสุทธิ์ (pure line selection) ในชั่วรุ่นที่ 5-6 จนได้สายพันธุ์ฝ้ายซึ่งมีใบปกคลุมด้วยขน ทนทานเพลี้ยจักจั่น ต้านทานโรคใบหงิก มีผลผลิตและคุณภาพเส้นใยดี จากนั้นทำการประเมินผลผลิตในปี 2546-2551

ลักษณะเด่น- ทนทานต่อเพลี้ยจักจั่น
- ต้านทานโรคใบหงิก
- ผลผลิตสูง 260 กก/ไร่
- คุณภาพเส้นใยดีมาก ปอร์เซ็นต์หีบ 38 เปอร์เซ็นต์ ความยาวเส้นใย 1.23 นิ้ว
ความเหนียวเส้นใย 24.3 กรัมต่อเท็กซ์ ความละเอียดอ่อนเส้นใย 3.9
ความสม่ำเสมอเส้นใย 56

ลักษณะของฝ้ายพันธุ์ตากฟ้า 84-4










29 มกราคม 2554

ศวร.นครสวรรค์ ร่วมงาน รวมรักษ์ตากฟ้า

เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2554 นายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เดินทางไปเป็นประธานในการเปิดงาน รวมรักษ์ ตากฟ้า คาวบอยไนท์ 2011 ซึ่งจัดให้มีขึ้น ณ สนามหน้าสถานีตำราจภูธร อำเภอตากฟ้า จ.นครสวรรค์ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในอำเภอตากฟ้า ให้การต้อนรับ การจัดงานครั้งนี้เพื่อส่งเสริมความสมัครสมานสามัคคีของคนในชุมชนตากฟ้า มีหน่วยราชการ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ตลอดจน ประชาชน พร้อมใจกันแต่งกายสไตล์คาวบอยมาร่วมงาน บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสนุกสนาน

ผวจ.นครสวรรค์ และ ภริยา ชิมข้าวเกรียบข้าวโพด ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ที่บูทศูนย์วิจัยฯ











20 มกราคม 2554

ศวร.นครสวรรค์ ร่วมกิจกรรม จังหวัดเคลื่อนที่ฯ

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2554 นายพิเชษฐ์ กรุดลอยมา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ร่วมต้อนรับ นายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ที่เดินทางมาเปิดงาน และมอบนโยบายการปฏิบัติราชการ ตามโครงการเยี่ยมเยียนประชาชน และบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้แก่ประชาชน จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งจัดขึ้นที่ วัดเขาชายธงวราราม ต.เขาชายธง อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ โดยศูนย์ฯ ได้จัดนิทรรศการให้ความรู้และให้คำปรึกษาด้านการผลิตพืชไร่ แก่เกษตรกรและประชาชนที่มาร่วมงาน





17 มกราคม 2554

หยุดเผาอ้อย รักษาคุณภาพ ลดโลกร้อน

สถานการณ์การขาดแคลนแรงงานและความต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการตัดอ้อย ชาวไร่อ้อยจึงเลือกใช้แนวทางการเผาอ้อยก่อนตัดซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปีการผลิต 2553/54 คิดเป็น 61.07 เปอร์เซ็นต์ จากปริมาณอ้อย 21.62 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของฤดูการผลิตที่ผ่านมา ซึ่งโดยเฉลี่ยมีอ้อยไฟไหม้ 60.70 เปอร์เซ็นต์ จากปริมาณอ้อย 19.28 ล้านตัน ภาคที่มีปริมาณอ้อยไฟไหม้มากที่สุด คือ ภาคเหนือ มีสัดส่วนสูงถึง 73.89 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาเป็นภาคตะวันออก 69.06 เปอร์เซ็นต์ ภาคกลาง 64.16 เปอร์เซ็นต์ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 50.69 เปอร์เซ็นต์

การเผาอ้อยก่อนตัดทำให้สูญเสียน้ำหนักและคุณภาพความหวาน ซึ่งหากตัดทิ้งไว้ในไร่นาน ๆ คุณภาพความหวานจะยิ่งลดต่ำลง และยังถูกตัดราคาตามประกาศของโรงงานและคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย รวมทั้งมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนมาก เพราะอ้อยเผาจะมีน้ำตาลเยิ้มออกมาที่ลำอ้อยหากตัดวางสัมผัสกับพื้นดินก็จะมีเศษหิน ดิน ทราย ปนเข้ามา ทำให้ผลผลิตน้ำตาลลดลงอย่างมาก อีกทั้งยังสร้างความเสียหายแก่เครื่องจักรในขบวนการผลิตน้ำตาล

การเผาอ้อยยังทำให้ความอุดมสมบรูณ์ของดินและโครงสร้างของดินไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของอ้อย ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเพิ่มขึ้นเพราะไม่มีเศษซากอ้อยต่าง ๆ คลุมดิน เกิดวัชพืชขึ้นง่าย ส่งผลต่อต้นทุนการกำจัดวัชพืช
อีกทั้งการเผาจะทำให้ตออ้อยถูกทำลาย อ้อยงอกช้ากว่าปกติหรืออาจไม่งอก การเจริญเติบโตช้า ไว้ตอไม่ดี

การเผาอ้อยยังทำลายแมลงที่มีประโยชน์ที่ช่วยควบคุมและกำจัดแมลงศัตรู เกิดการระบาดของแมลงศัตรูอ้อยได้ง่าย เช่น หนอนกอ

ตลอดจนส่งผลต่อตลาดน้ำตาลเนื่องจากประเทศที่พัฒนาแล้วอาจจะนำมาเป็นข้ออ้างงดซื้อน้ำตาลจากประเทศไทยได้ เนื่องจากการเผาอ้อยก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์กระจายสู่บรรยากาศ ทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจก ส่งผลให้อุณหภูมิบริเวณผิวโลกสูงขึ้น หรือการเกิดสภาวะโลกร้อน ซึ่งหลาย ๆ ท่านคงได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ผลกระทบดังกล่าวทำให้น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกละลายเร็วขึ้นส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศของโลก ดังเช่น การเกิดสภาวะฝนแล้ง น้ำท่วม พายุถล่ม และสภาพอากาศหนาวอย่างผิดปกติ

ถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันในการพัฒนาเทคโนโลยีการเก็บเกี่ยวเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคต และสร้างแรงจูงใจ รณรงค์ลดการเผาอ้อย เพื่อลดความสูญเสียต่ออุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในระยะยาวต่อไป อีกทั้งร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับลูกหลาน ลดโลกร้อน ด้วยการการตัดอ้อยสด ไม่เผาอ้อยให้เกิดมลพิษทางอากาศ และเป็นการรักษาความอุดมสมบรูณ์ของดินอีกด้วย

เรียบเรียง : สุทัศนีย์ วงศ์ศุปไทย

เนื้อหา