8 สิงหาคม 2560

โรคเหี่ยวเน่าแดงอ้อย


ระบาดรุนแรง ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ในเขตชลประทานหรือพื้นที่นา ทำให้ผลผลิตเสียหาย 30-100 เปอร์เซ็นต์  CCS ลดลง

โรคเหี่ยวเน่าแดงเกิดจากการทำลายของเชื้อรา 2 ชนิด คือ Fusarium moniliforme  และ  Colletotrichum falcatum

 เชื้อ Fusarium moniliforme อยู่ในดิน สามารถเข้าทำลายอ้อยได้ทางรากและโคนต้น ส่วนเชื้อ Colletotrichum falcatum สามารถเข้าทำลายอ้อยได้ตามรอยแผลที่เกิดจากหนอนหรือแผลแตกของลำ หรือทางรอยเปิดธรรมชาติ


หากเกษตรกรปลูกโดยใช้ท่อนพันธุ์อ้อยที่ติดโรคเหี่ยวเน่าแดง จะทำให้การระบาดกระจายในวงกว้างและยากต่อการป้องกันกำจัด

ลักษณะอาการ
อ้อยจะเหี่ยวตายฉับพลันยืนต้นแห้งตายไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้
1. ระยะแรกอายุ 4-5 เดือน อ้อยใบเหลือง ขอบใบแห้ง
2. อ้อยจะยืนต้นแห้งตายเป็นกอ ๆ จนถึงระยะเก็บเกี่ยว
3. เมื่อผ่าในลำจะเห็นเนื้ออ้อยเน่าช้ำเป็นสีแดงเป็นจ้ำ หรือเนื้ออ้อยเน่าเป็นสีน้ำตาลปนม่วง

การป้องกันกำจัด
เมื่อพบการระบาด ก่อนการเก็บเกี่ยว
    1)  เร่งระบายน้ำแปลงที่มีน้ำขัง
    2)  งดการเร่งปุ๋ยและน้ำ
    3)  รีบตัดอ้อยเข้าหีบ

การจัดการแก้ไขหลังเก็บเกี่ยว
   1)  รื้อแปลงทิ้ง
   2)  ทำลายซากตอเก่า โดยการคราดออกและเผาทิ้ง
   3)  ไถดินตาก ประมาณ 3 ครั้ง
   4)  ปลูกพืชสลับ เช่น ข้าวหรือกล้วยก่อนปลูกอ้อยฤดูใหม่
   5)  ปลูกพันธุ์ที่ต้านทาน เช่น ขอนแก่น 3 หรือ แอลเค 92-11
   6)  คัดเลือกพันธุ์ที่สมบูรณ์ จากแหล่งที่ไม่เป็นโรค หรือเตรียมแปลงพันธุ์ด้วยตนเอง
   7)  ถ้าไม่แน่ใจว่าพันธุ์ต้านทานหรือไม่ ก่อนปลูกควรแช่ท่อนพันธุ์ในสารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดโรค อัตราต่อไปนี้
                 - เบนโนมิล (เบนเลท 25 % WP) อัตรา 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
                 - ไธโอฟาเนท-เมททิล (ทอปซินเอ็ม 50 %) 20 ซีซ๊  ต่อน้ำ 20 ลิตร
                 - โปรพิโคนาโซล (ทิลท์ 250 อีซี.) 16 ซีซ๊ ต่อน้ำ 20 ลิตร


 ภาพที่ 1, 2 และ3 ในสภาพที่มีการปลูกเชื้อ อ้อยพันธุ์ที่ต้านทานต่อโรคเหี่ยวเน่าแดง จะแสดงอาการเน่าแดง ในปล้องที่มีการปลูกเชื้อ หรือลุกลาม 1-2 ปล้องเท่านั้น





ภาพที่ 4 อ้อยพันธุ์อ่อนแอ  ในสภาพที่มีการปลูกเชื้อ จะมีการลุกลามของโรคไปยังปล้องอื่นๆ หลายปล้อง หรือเน่าแดงทั้งต้น 


ภาพที่ 5 ท่อนพันธุ์อ้อยที่มีลักษณะไส้แดง  จากแปลงที่มีโรคระบาด ไม่ควรใช้ทำพันธุ์


ข้อมูล: เอกสารวิชาการ การป้องกันกำจัดศัตรูอ้อย สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร

เนื้อหา