ระบาดรุนแรง ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ในเขตชลประทานหรือพื้นที่นา ทำให้ผลผลิตเสียหาย 30-100 เปอร์เซ็นต์ CCS ลดลง
โรคเหี่ยวเน่าแดงเกิดจากการทำลายของเชื้อรา 2 ชนิด คือ Fusarium moniliforme และ Colletotrichum falcatum
เชื้อ Fusarium moniliforme อยู่ในดิน สามารถเข้าทำลายอ้อยได้ทางรากและโคนต้น ส่วนเชื้อ Colletotrichum falcatum สามารถเข้าทำลายอ้อยได้ตามรอยแผลที่เกิดจากหนอนหรือแผลแตกของลำ หรือทางรอยเปิดธรรมชาติ
หากเกษตรกรปลูกโดยใช้ท่อนพันธุ์อ้อยที่ติดโรคเหี่ยวเน่าแดง จะทำให้การระบาดกระจายในวงกว้างและยากต่อการป้องกันกำจัด
ลักษณะอาการ
อ้อยจะเหี่ยวตายฉับพลันยืนต้นแห้งตายไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้
1. ระยะแรกอายุ 4-5 เดือน อ้อยใบเหลือง ขอบใบแห้ง
2. อ้อยจะยืนต้นแห้งตายเป็นกอ ๆ จนถึงระยะเก็บเกี่ยว
3. เมื่อผ่าในลำจะเห็นเนื้ออ้อยเน่าช้ำเป็นสีแดงเป็นจ้ำ หรือเนื้ออ้อยเน่าเป็นสีน้ำตาลปนม่วง
การป้องกันกำจัด
เมื่อพบการระบาด ก่อนการเก็บเกี่ยว
1) เร่งระบายน้ำแปลงที่มีน้ำขัง
2) งดการเร่งปุ๋ยและน้ำ
3) รีบตัดอ้อยเข้าหีบ
การจัดการแก้ไขหลังเก็บเกี่ยว
1) รื้อแปลงทิ้ง
2) ทำลายซากตอเก่า โดยการคราดออกและเผาทิ้ง
3) ไถดินตาก ประมาณ 3 ครั้ง
4) ปลูกพืชสลับ เช่น ข้าวหรือกล้วยก่อนปลูกอ้อยฤดูใหม่
5) ปลูกพันธุ์ที่ต้านทาน เช่น ขอนแก่น 3 หรือ แอลเค 92-11
6) คัดเลือกพันธุ์ที่สมบูรณ์ จากแหล่งที่ไม่เป็นโรค หรือเตรียมแปลงพันธุ์ด้วยตนเอง
7) ถ้าไม่แน่ใจว่าพันธุ์ต้านทานหรือไม่ ก่อนปลูกควรแช่ท่อนพันธุ์ในสารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดโรค อัตราต่อไปนี้
- เบนโนมิล (เบนเลท 25 % WP) อัตรา 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- ไธโอฟาเนท-เมททิล (ทอปซินเอ็ม 50 %) 20 ซีซ๊ ต่อน้ำ 20 ลิตร
- โปรพิโคนาโซล (ทิลท์ 250 อีซี.) 16 ซีซ๊ ต่อน้ำ 20 ลิตร
ภาพที่ 1, 2 และ3 ในสภาพที่มีการปลูกเชื้อ อ้อยพันธุ์ที่ต้านทานต่อโรคเหี่ยวเน่าแดง จะแสดงอาการเน่าแดง ในปล้องที่มีการปลูกเชื้อ หรือลุกลาม 1-2 ปล้องเท่านั้น
ภาพที่ 4 อ้อยพันธุ์อ่อนแอ ในสภาพที่มีการปลูกเชื้อ จะมีการลุกลามของโรคไปยังปล้องอื่นๆ หลายปล้อง หรือเน่าแดงทั้งต้น
ภาพที่ 5 ท่อนพันธุ์อ้อยที่มีลักษณะไส้แดง จากแปลงที่มีโรคระบาด ไม่ควรใช้ทำพันธุ์
ข้อมูล: เอกสารวิชาการ การป้องกันกำจัดศัตรูอ้อย สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร